General Ledger คืออะไร มีประโยชน์อย่างไรต่อธุรกิจ ?
- Admin Ham
- 26 พ.ค.
- ยาว 1 นาที
อัปเดตเมื่อ 6 มิ.ย.
General Ledger คือคำที่เหล่าเจ้าของกิจการ นักบัญชี หรือแม้แต่ผู้บริหารที่ต้องจัดการข้อมูลทางการเงินของบริษัทมักจะได้ยินกันอยู่เสมอ เพราะเป็นพื้นฐานสำคัญของระบบบัญชี ไม่ว่าธุรกิจขนาดเล็กหรือองค์กรขนาดใหญ่ก็ล้วนต้องใช้บัญชีแยกประเภทเพื่อควบคุมและตรวจสอบสถานะทางการเงินกันทั้งหมด
บทความนี้ Mac-5 Legacy เลยจะพาคุณไปทำความเข้าใจว่า General Ledger คืออะไร มีหน้าที่อะไรบ้าง แบ่งเป็นกี่ประเภท และมีประโยชน์อย่างไรต่อธุรกิจ เพื่อให้ทุกคนสามารถจัดระบบบัญชีได้อย่างถูกต้องและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
General Ledger คืออะไร
บัญชีแยกประเภททั่วไป หรือ General Ledger คือ เครื่องมือหลักในการรวบรวมข้อมูลทางการเงินของธุรกิจทั้งหมด โดยจะนำรายการจากสมุดรายวันมาจัดหมวดหมู่ตามประเภทของบัญชี เช่น รายรับ ค่าใช้จ่าย สินทรัพย์ หนี้สิน หรือทุน เพื่อให้ง่ายต่อการวิเคราะห์ข้อมูลและจัดทำงบการเงินประจำงวด
บัญชีประเภทนี้จึงเปรียบเสมือน “ศูนย์กลาง” ของข้อมูลการเงินทั้งหมดในระบบบัญชี ไม่ว่าจะเป็นข้อมูลจากการขาย การซื้อ การชำระเงิน หรือการรับเงินก็จะถูกรวบรวมไว้ที่นี่อย่างเป็นระบบ
บัญชีแยกประเภท มีกี่ประเภท

บัญชีแยกประเภทที่ใช้กันในระบบบัญชี แบ่งได้เป็น 2 ประเภทหลัก คือ บัญชีแยกประเภททั่วไป และบัญชีแยกประเภทย่อย โดยแต่ละประเภทก็มีหน้าที่และความสำคัญต่างกันไป ดังนี้
บัญชีแยกประเภททั่วไป (General Ledger)
บัญชีแยกประเภทแบบทั่วไป คือ บัญชีหลักที่ใช้บันทึกข้อมูลสรุปของรายการทางการเงินทั้งหมด โดยแต่ละบัญชีจะแสดงยอดรวมของประเภทนั้น ๆ เช่น รายได้ ค่าใช้จ่าย หรือสินทรัพย์ เพื่อให้เห็นภาพรวมสถานะทางการเงินของกิจการในแต่ละงวดบัญชี ได้แก่
บัญชีสินทรัพย์ (Assets) บัญชีแสดงทรัพย์สินที่ธุรกิจเป็นเจ้าของ และมีมูลค่าทางเศรษฐกิจ สินทรัพย์เหล่านี้สามารถนำมาใช้เพื่อสร้างประโยชน์ทางธุรกิจในอนาคต เช่น เงินสด เงินฝากธนาคาร ที่ดิน อาคาร สิ่งปลูกสร้าง ลูกหนี้การค้า อุปกรณ์หรือเครื่องจักรในการประกอบธุรกิจ ยานพาหนะ เป็นต้น
บัญชีรายได้ (Revenue) บัญชีแสดงรายได้ที่ธุรกิจได้รับจากการได้รับจากการดำเนินกิจการ เช่น รายได้จากการขายสินค้า รายได้จากการให้บริการ รายได้ค่าธรรมเนียม เงินปันผล เป็นต้น
บัญชีทุน (Equity) บัญชีแสดงมูลค่าส่วนได้เสียหรือสิทธิของเจ้าของกิจการที่มีต่อสินทรัพย์ของธุรกิจหลังจากหักหนี้สินออกแล้ว เช่น ทุนจดทะเบียน ทุนสำรองตามกฎหมาย กำไรสะสม ส่วนเกินมูลค่าหุ้น เป็นต้น
บัญชีหนี้สิน (Liabilities) บัญชีแสดงภาระผูกพันทางการเงินที่ธุรกิจมีต่อบุคคลภายนอก ซึ่งจะต้องชำระในอนาคต เช่น เจ้าหนี้การค้า เงินกู้ยืมระยะสั้นหรือระยะยาว ภาษีค้างจ่าย ค่าใช้จ่ายค้างจ่าย หุ้นกู้ หนี้สินตามสัญญาเช่า ภาระผูกพันผลประโยชน์พนักงาน
บัญชีค่าใช้จ่าย (Expenses) บัญชีแสดงค่าใช้จ่ายแสดงต้นทุนและค่าใช้จ่ายทั้งหมดที่เกิดขึ้นจากการดำเนินธุรกิจ เช่น ต้นทุนขาย ค่าเช่าสำนักงาน ค่าสาธารณูปโภค เงินเดือนและค่าแรงพนักงาน ค่าซ่อมแซมและบำรุงรักษา ค่าโฆษณาและส่งเสริมการขาย ดอกเบี้ยจ่าย ภาษีอากร
โดยการบันทึกบัญชีแยกประเภท จะเกิดหลังจากที่บันทึกบัญชีผ่านสมุดรายวัน ซึ่งจะต้องบันทึกบัญชี 2 ฝั่ง ทั้งในรูปของเครดิต และเดบิต
หากเปรียบเทียบกับห้องสมุด บัญชีแยกประเภททั่วไปก็เหมือนสารบัญที่รวมหนังสือทุกเล่มไว้ตามหมวดหมู่ เป็นจุดเริ่มต้นของการวิเคราะห์ข้อมูลทางบัญชีและการจัดทำงบการเงินอย่างเป็นระบบ
ตัวอย่างแบบฟอร์มบัญชีแยกประเภททั่วไป
บัญชี……………………………………………………………….. เลขที่…………………
แบบฟอร์มบัญชีแยกประเภททั่วไป จะแบ่งเป็น 2 ด้าน
ฝั่งเดบิต (ด้านซ้ายมือ) ประกอบด้วย
วันที่
รายการ
จำนวนเงินฝั่งเดบิต
ฝั่งเครดิต (ด้านขวามือ) ประกอบด้วย
วันที่
รายการ
จำนวนเงินฝั่งเครดิต
บัญชีแยกประเภทย่อย (Subsidiary Ledger)
บัญชีแยกประเภทแบบย่อย คือ บัญชีที่ใช้แสดงรายละเอียดเชิงลึกของบัญชีหลัก ตัวอย่างเช่น หากใน General Ledger มีบัญชี “ลูกหนี้การค้า” ก็จะมีบัญชีลูกหนี้รายย่อยแยกตามชื่อลูกค้าใน Subsidiary Ledger เพื่อให้สามารถตรวจสอบได้ว่า แต่ละรายมียอดคงเหลือเท่าไร หรือชำระเงินไปแล้วเท่าไร
การใช้บัญชีแยกประเภทแบบย่อย ช่วยเพิ่มความโปร่งใสในการตรวจสอบรายการ และเป็นประโยชน์อย่างมากในการติดตามยอดหนี้หรือข้อมูลทางการเงินแบบรายบุคคล
ตัวอย่างแบบฟอร์มบัญชีแยกประเภทย่อย
บัญชี………………………………………………………
แบบฟอร์มบัญชีแยกประเภทย่อย ประกอบด้วย
วันที่
รายการ
จำนวนเงินฝั่งเดบิต
จำนวนเงินฝั่งเครดิต
ยอดเงินคงเหลือฝั่งเดบิต
ยอดเงินคงเหลือฝั่งเครดิต
บัญชีแยกประเภทสำคัญอย่างไร?
การจัดทำบัญชีแยกประเภทอย่างถูกต้องเป็นพื้นฐานของการจัดการทางการเงินที่ดี เพราะช่วยให้ธุรกิจสามารถดูภาพรวมทางการเงินได้ในทันที เช่น มียอดรายได้เท่าไร ค่าใช้จ่ายแต่ละเดือนสูงหรือต่ำแค่ไหน หรือสถานะของเงินทุนในธุรกิจเป็นอย่างไร
นอกจากนี้ “จุดเด่นของ General Ledger” คือการรวมข้อมูลจากทุกแผนก ทุกธุรกรรมไว้ในจุดเดียว ทำให้สามารถนำข้อมูลไปใช้ในการวิเคราะห์ วางแผนงบประมาณ และจัดทำงบการเงินได้ทันที โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากธุรกิจใช้ระบบ ERP ที่สามารถเชื่อมโยง General Ledger เข้ากับระบบงานอื่น ๆ เช่น ระบบซื้อและเจ้าหนี้การค้า, ระบบการขายและลูกหนี้การค้า ก็จะยิ่งช่วยให้ข้อมูลทางการเงินเป็นแบบเรียลไทม์ และลดการป้อนข้อมูลซ้ำซ้อนได้
สรุปบทความ

จากบทความนี้จะเห็นได้ว่า General Ledger คือหัวใจของการจัดการบัญชีในทุกองค์กร เพราะเป็นตัวกลางที่รวบรวมและจัดหมวดหมู่ข้อมูลทางการเงินทั้งหมดอย่างเป็นระบบ ซึ่งช่วยให้สามารถวิเคราะห์ วางแผน และตัดสินใจทางการเงินได้อย่างแม่นยำยิ่งขึ้น
สำหรับธุรกิจที่ต้องการยกระดับการจัดการบัญชีให้มีประสิทธิภาพมากกว่าเดิม Mac-5 Legacy ขอแนะนำโปรแกรมบัญชี ERP ที่ออกแบบมาเพื่อเชื่อมโยงทุกกระบวนการบัญชี ไม่ว่าจะเป็น General Ledger, ระบบซื้อและเจ้าหนี้การค้า หรือระบบการขายและลูกหนี้การค้า ซึ่งสามารถสร้างรายงานทางการเงินรายวันได้ทันที พร้อมใช้งานจริงในองค์กรทุกขนาด
หากคุณกำลังมองหาโปรแกรมบัญชีที่มีระบบ General Ledger ครบถ้วน ราคาและแพ็กเกจคุ้มค่า มีบริการที่พร้อมให้คำปรึกษา และการใช้งานในบริบทธุรกิจจริง สามารถเยี่ยมชมเว็บไซต์ของ Mac-5 Legacy ได้ที่ https://www.mac5legacy.com/digitaltransformation)
Comments