ในยุคดิจิทัลที่ธุรกิจแข่งขันกันสูง การจัดการห่วงโซ่อุปทานที่มีประสิทธิภาพกลายเป็นหัวใจสำคัญสำหรับความสำเร็จ ระบบ ERP จัดซื้อ เข้ามามีบทบาทสำคัญช่วยให้องค์กรต่างๆ บริหารจัดการกระบวนการจัดซื้อได้อย่างมีประสิทธิภาพ โปร่งใส และแม่นยำ บทความนี้จะพาทุกท่านไปเจาะลึกถึงกระบวนการใช้ระบบ ERP ในการจัดซื้อที่ช่วยให้ธุรกิจดำเนินการได้อย่างราบรื่น
1.วางแผนและการกำหนดความต้องการ
การใช้ระบบ ERP จัดซื้อในการเริ่มต้นด้วยการวางแผนและกำหนดความต้องการในการซื้อวัตถุดิบหรือสินค้าที่จะใช้ในการผลิตหรือบริการต่าง ๆ โดยใช้ข้อมูลที่เกี่ยวข้องเช่นประวัติการใช้งาน แผนการผลิต หรือแผนการขายเป็นต้น1.1 การ
1.1 รวบรวมข้อมูล
รวบรวมข้อมูลการใช้งานวัตถุดิบและสินค้าคงคลังจากระบบต่างๆ ภายในองค์กร เช่น ระบบผลิต ระบบขาย
วิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึกเพื่อคาดการณ์ความต้องการในอนาคต
นำข้อมูลมาวิเคราะห์ควบคู่กับปัจจัยภายนอก เช่น เศรษฐกิจ สภาพตลาด แนวโน้มความต้องการของลูกค้า
1.2 การจัดทำแผนจัดซื้อ
ระบุชนิด ปริมาณ และเวลาที่ต้องการจัดซื้อวัตถุดิบและสินค้า
เปรียบเทียบราคาและคุณภาพจากซัพพลายเออร์ต่างๆ
วางแผนกลยุทธ์การจัดซื้อเพื่อลดต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพ
1.3 การสร้างคำสั่งซื้อ
สร้างคำสั่งซื้ออิเล็กทรอนิกส์ (e-procurement) ผ่านระบบ ERP
ติดตามสถานะคำสั่งซื้อและการจัดส่ง
จัดการเอกสารและข้อมูลการจัดซื้ออย่างเป็นระบบ
1.4 การวิเคราะห์และประเมินผล
วิเคราะห์ประสิทธิภาพของซัพพลายเออร์
ติดตามผลการดำเนินงานตามแผนจัดซื้อ
ระบุจุดอ่อนและโอกาสในการปรับปรุง
2. เสนอซื้อและการเลือกผู้จัดจำหน่าย
การเลือกผู้จัดจำหน่ายที่เหมาะสมโดยใช้ระบบ ERP เพื่อจัดทำเอกสารเสนอซื้อ การตรวจสอบคุณภาพและการเลือกซื้อตามเกณฑ์ที่กำหนดไว้ราคา
2.1 การจัดทำเอกสารเสนอซื้อ
สร้างเอกสารเสนอซื้อ (Request for Proposal - RFP) โดยระบุรายละเอียดสินค้าหรือวัตถุดิบที่ต้องการ
กำหนดคุณสมบัติและเกณฑ์การคัดเลือกผู้จัดจำหน่าย
ส่งเอกสาร RFP ไปยังซัพพลายเออร์ที่คัดเลือกไว้
2.2 การรวบรวมข้อเสนอและการประเมินผล
รวบรวมข้อเสนอจากซัพพลายเออร์ที่สนใจ
วิเคราะห์และเปรียบเทียบข้อเสนอตามเกณฑ์ที่กำหนด เช่น ราคา คุณภาพ เงื่อนไขการชำระเงิน บริการหลังการขาย
คัดเลือกซัพพลายเออร์ที่เสนอข้อเสนอที่ดีที่สุด
2.3 การเจรจาต่อรอง
เจรจาต่อรองราคาและเงื่อนไขต่างๆ กับซัพพลายเออร์ที่คัดเลือก
บรรลุข้อตกลงร่วมกัน
2.4 การสร้างใบสั่งซื้อ
สร้างใบสั่งซื้อ (Purchase Order - PO) อิเล็กทรอนิกส์ผ่านระบบ ERP
ระบุรายละเอียดสินค้าหรือวัตถุดิบ ราคา เงื่อนไขการชำระเงิน และวันที่จัดส่ง
ส่งใบสั่งซื้อไปยังซัพพลายเออร์
3. การรับสินค้าและการตรวจสอบคุณภาพ
การรับสินค้าโดยใช้ระบบ ERP เพื่อบันทึกข้อมูลการรับสินค้าและตรวจสอบคุณภาพตามเกณฑ์ที่กำหนดไว้ในระบบ
3.1 การบันทึกข้อมูลการรับสินค้า
บันทึกข้อมูลการรับสินค้าเข้าระบบ ERP
ระบุรายละเอียดสินค้าหรือวัตถุดิบ ปริมาณ หมายเลขประจำ lot และวันที่รับสินค้า
เชื่อมโยงข้อมูลการรับสินค้ากับใบสั่งซื้อ
3.2 การตรวจสอบคุณภาพ
ตรวจสอบสินค้าหรือวัตถุดิบตามเกณฑ์ที่กำหนดไว้ในระบบ
ตรวจสอบสภาพสินค้า บรรจุภัณฑ์ เอกสาร และคุณสมบัติอื่นๆ
บันทึกผลการตรวจสอบคุณภาพในระบบ
3.3 การจัดการสินค้าที่ไม่ผ่านการตรวจสอบ
แยกสินค้าที่ไม่ผ่านการตรวจสอบออกจากสินค้าที่ผ่านการตรวจสอบ
ระบุสาเหตุของการไม่ผ่านการตรวจสอบ
ดำเนินการตามขั้นตอนที่กำหนดไว้ เช่น การส่งคืนสินค้า การซ่อมแซม หรือการทำลายสินค้า
3.4 การปรับปรุงสต็อกสินค้าคงคลัง
ปรับปรุงสต็อกสินค้าคงคลังตามจำนวนสินค้าที่รับเข้า
แยกประเภทสินค้าที่ผ่านการตรวจสอบและสินค้าที่ไม่ผ่านการตรวจสอบ
4. การจัดการคลังสินค้าและการควบคุมสต็อก
การจัดเก็บและบริหารจัดการคลังสินค้าโดยใช้ระบบ ERP เพื่อติดตามยอดคงเหลือและการเคลื่อนไหวของสินค้า
4.1 การติดตามยอดคงเหลือสินค้า
ติดตามจำนวนสินค้าคงคลังแบบเรียลไทม์
แยกประเภทสินค้าตามประเภท สถานที่ และสถานะ
แจ้งเตือนเมื่อสินค้าคงคลังใกล้หมดหรือมีปริมาณมากเกินไป
4.2 การจัดการการเคลื่อนไหวของสินค้า
บันทึกการเคลื่อนไหวของสินค้าเข้า-ออกคลังสินค้า
ระบุที่มาปลายทางของสินค้า
วิเคราะห์รูปแบบการเคลื่อนไหวของสินค้า
4.3 การจัดการพื้นที่จัดเก็บ
จัดสรรพื้นที่จัดเก็บสินค้าอย่างมีประสิทธิภาพ
เพิ่มประสิทธิภาพการใช้พื้นที่คลังสินค้า
ลดต้นทุนการจัดเก็บ
4.4 การควบคุมสินค้าคงคลัง
กำหนดระดับสต็อกสินค้าคงคลังที่เหมาะสม
สั่งซื้อสินค้าเพิ่มเติมเมื่อสินค้าคงคลังใกล้หมด
ป้องกันสินค้าคงคลังล้นสต็อก
4.5 การจัดการสินค้าที่หมดอายุ
ติดตามสินค้าที่ใกล้หมดอายุ
ดำเนินการตามขั้นตอนที่กำหนดไว้ เช่น การลดราคา การขายส่งออก หรือการทำลายสินค้า
5. การชำระเงินและบัญชี
การจัดการกระบวนการชำระเงินและบันทึกข้อมูลการเงินที่เกี่ยวข้องกับการซื้อด้วยระบบ ERP เพื่อความถูกต้องของการเงิน
5.1 การประมวลผลใบแจ้งหนี้
รับใบแจ้งหนี้จากซัพพลายเออร์
ตรวจสอบความถูกต้องของใบแจ้งหนี้
เชื่อมโยงใบแจ้งหนี้กับใบสั่งซื้อ
บันทึกข้อมูลการชำระเงินในระบบ
5.2 การชำระเงิน
สร้างเอกสารการชำระเงิน
ชำระเงินให้กับซัพพลายเออร์
บันทึกข้อมูลการชำระเงินในระบบ
5.3 การปรับปรุงบัญชี
ปรับปรุงบัญชีแยกประเภทตามรายการค่าใช้จ่าย
บันทึกรายการต้นทุนสินค้าคงคลัง
เตรียมงบการเงิน
5.4 การรายงาน
สร้างรายงานการชำระเงิน
สร้างรายงานวิเคราะห์ค่าใช้จ่าย
สร้างงบการเงิน
6. การวิเคราะห์และการปรับปรุง
การใช้ข้อมูลที่รวบรวมได้จากระบบ ERP เพื่อวิเคราะห์ผลการจัดซื้อและปรับปรุงกระบวนการในอนาคต
6.1 การวิเคราะห์การใช้จ่าย
วิเคราะห์ว่าองค์กรใช้จ่ายเงินไปกับอะไรมากที่สุด ระบุหมวดหมู่สินค้า ผู้ขาย และรายการสินค้าที่ใช้จ่ายสูง
6.2 การวิเคราะห์ประสิทธิภาพของผู้ขาย
เปรียบเทียบประสิทธิภาพของผู้ขายแต่ละราย พิจารณาจากราคา ระยะเวลาการจัดส่ง คุณภาพสินค้า บริการหลังการขาย ฯลฯ
6.3 การวิเคราะห์สินค้าคงคลัง
วิเคราะห์ระดับสินค้าคงคลัง ระบุสินค้าที่ขายดี สินค้าที่ขายช้า และสินค้าที่ล้าสมัย
6.4 การวิเคราะห์วงจรการจัดซื้อ
วิเคราะห์ระยะเวลาที่ใช้ตั้งแต่การขอซื้อจนถึงการรับสินค้า ระบุขั้นตอนที่ใช้เวลานาน และหาโอกาสในการปรับปรุง
ERP มีอิทธิผลต่อการบริหารธุรกิจอย่างไร มากน้อยเพียงใด?
ระบบ ERP (Enterprise Resource Planning) หรือ ระบบวางแผนทรัพยากรองค์กร นั้นเปรียบเสมือนหัวใจหลักที่ขับเคลื่อนธุรกิจให้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยการรวบรวมข้อมูลจากทุกส่วนขององค์กรเข้าไว้ด้วยกัน ทำให้การทำงานเป็นไปอย่างราบรื่นและมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
ระบบ ERP ส่งเสริมต่อการบริหารจัดการธุรกิจ
เพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน
ลดงานซ้ำซ้อน: ระบบ ERP ช่วยลดการป้อนข้อมูลซ้ำซ้อน ทำให้พนักงานมีเวลาไปทำงานที่สร้างมูลค่าเพิ่มได้มากขึ้น
อัตโนมัติ: กระบวนการทำงานหลายอย่างสามารถทำให้อัตโนมัติได้ เช่น การสร้างใบสั่งซื้อ การจัดทำบัญชี ทำให้ลดความผิดพลาดและประหยัดเวลา
เพิ่มความเร็วในการทำงาน: การเข้าถึงข้อมูลได้อย่างรวดเร็ว ทำให้การตัดสินใจเกิดขึ้นได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำ
ปรับปรุงการตัดสินใจ
ข้อมูลที่ถูกต้องและเป็นปัจจุบัน: ระบบ ERP ให้ข้อมูลที่ถูกต้องและเป็นปัจจุบัน ทำให้ผู้บริหารสามารถวิเคราะห์ข้อมูลและตัดสินใจได้อย่างถูกต้อง
ภาพรวมของธุรกิจ: ผู้บริหารสามารถมองเห็นภาพรวมของธุรกิจได้อย่างชัดเจน ทำให้สามารถวางแผนกลยุทธ์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ลดต้นทุน
ลดต้นทุนในการดำเนินงาน: การลดขั้นตอนการทำงานที่ซ้ำซ้อนและการลดความผิดพลาด ทำให้ลดต้นทุนในการดำเนินงานได้
ลดต้นทุนสินค้าคงคลัง: ระบบ ERP ช่วยให้บริหารจัดการสินค้าคงคลังได้อย่างมีประสิทธิภาพ ลดการขาดแคลนสินค้าและลดต้นทุนในการเก็บรักษาสินค้า
ลดต้นทุนในการผลิต: การวางแผนการผลิตที่แม่นยำ ช่วยลดการผลิตสินค้าเกินความจำเป็นและลดต้นทุนในการผลิต
เพิ่มความสามารถในการแข่งขัน
ตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้รวดเร็ว: ระบบ ERP ช่วยให้บริษัทสามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำ
ปรับตัวเข้ากับการเปลี่ยนแปลงได้รวดเร็ว: ระบบ ERP ช่วยให้บริษัทสามารถปรับตัวเข้ากับการเปลี่ยนแปลงของตลาดได้อย่างรวดเร็ว
สร้างความแตกต่าง: องค์กรที่ใช้ระบบ ERP จะมีความได้เปรียบในการแข่งขันเหนือคู่แข่งที่ยังไม่ได้นำระบบ ERP มาใช้
ระบบ ERP ในภาคธุรกิจต่างๆ
อุตสาหกรรมการผลิต
อุตสาหกรรมบริการ
อุตสาหกรรมค้าปลีก
อุตสาหกรรมนำเข้าส่งออก
อุตสหกรรมซื้อมาขายไป
ธุรกิจร้านอาหาร คลัวกลาง
ธุรกิจด้านบริการ
ระบบ ERP นั้นมีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนธุรกิจให้เติบโตอย่างยั่งยืน โดยช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน ลดต้นทุน และเพิ่มความสามารถในการแข่งขันขององค์กร หากธุรกิจของคุณต้องการเติบโตและประสบความสำเร็จ การลงทุนในระบบ ERP จึงเป็นสิ่งที่คุ้มค่าอย่างยิ่ง การใช้ระบบ ERP จัดซื้อสำหรับธุรกิจ ไม่เพียงแต่ช่วยให้การดำเนินงานเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและเป็นระบบ แต่ยังช่วยในการลดความขัดแย้งในกระบวนการซื้อขาย และเพิ่มความโปร่งใสในการบริหารจัดการทรัพยากรขององค์กรอย่างมาก
Mac5 Legacy เราเป็นที่ปรึกษาด้านดิจิทัลและเทคโนโลยีที่มุ่งมั่นเพื่อพลิกโฉมวิธีการทำงานในองค์กรของคุณทั้งในกรุงเทพ และประเทศไทยให้ทันสมัยขึ้น ด้วยการนำเทคโนโลยีมาเป็นเครื่องมือในการปรับปรุงขั้นตอนการทำงานเพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดในการบริหารจัดการ และการดำเนินงาน ด้วยประสบการณ์และความเชี่ยวชาญในระบบ ERP และ MRP เรามั่นใจว่าจะช่วยให้ธุรกิจของคุณก้าวไปสู่อนาคตที่ดีกว่าที่เคย ติดต่อขอรับคำปรึกษาได้ที่ https://www.mac5legacy.com
Comments