ระบบ ERP ราคาเท่าไร? ไขข้อข้องใจเรื่องค่าใช้จ่ายและการลงทุน
- Admin Ham
- 30 พ.ค.
- ยาว 2 นาที
อัปเดตเมื่อ 30 พ.ค.
คำถามยอดฮิตที่ผู้ประกอบการหลายท่านสงสัยคือ “ระบบ erp ราคาเท่าไร?” เพราะการลงทุนในระบบ ERP ถือเป็นการตัดสินใจครั้งสำคัญที่ส่งผลต่ออนาคตของธุรกิจ แต่ราคาก็ไม่ใช่ปัจจัยเดียวที่ต้องพิจารณา ยังมีค่าใช้จ่ายแฝงและปัจจัยอีกมากมายที่ต้องทำความเข้าใจก่อนตัดสินใจลงทุนด้วย บทความนี้ Mac-5 Legacy เลยจะพาคุณไปเจาะลึกถึงโครงสร้างราคาและค่าใช้จ่ายทั้งหมด เพื่อให้คุณวางแผนและประเมินความคุ้มค่าให้ดีที่สุด
ERP คืออะไร? ทำไมธุรกิจยุคใหม่ต้องมี
ERP (Enterprise Resource Planning) คือ ระบบที่เข้ามาช่วยวางแผนและจัดการทรัพยากรทั้งหมดขององค์กรให้เป็นหนึ่งเดียว เพื่อเชื่อมการทำงานของข้อมูลจากฝ่ายขาย การเงิน คลังสินค้า การผลิต และทรัพยากรบุคคลสามารถเชื่อมโยงถึงกันได้แบบเรียลไทม์ ทำให้ผู้บริหารมองเห็นภาพรวมธุรกิจได้ชัดเจนขึ้น ลดความซ้ำซ้อนในการทำงาน เพิ่มประสิทธิภาพ และช่วยให้ตัดสินใจได้อย่างแม่นยำบนพื้นฐานข้อมูลจริง ระบบ ERP จึงไม่ใช่แค่ซอฟต์แวร์ แต่เป็นเครื่องมือทางกลยุทธ์ที่ช่วยให้ธุรกิจปรับตัวและเติบโตในยุคดิจิทัลได้อย่างมั่นคงขึ้น การมี ERP System ที่ดี ก็เปรียบเสมือนการมีศูนย์บัญชาการอัจฉริยะที่ช่วยขับเคลื่อนองค์กรไปข้างหน้าได้อย่างเต็มศักยภาพนั่นเอง
เปิดราคาและค่าใช้จ่ายในการลงทุนระบบ ERP
การระบุราคาตายตัวสำหรับระบบ ERP นั้นค่อนข้างเป็นเรื่องยาก เพราะขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง แต่อย่างไรก็ตาม เพื่อให้เห็นภาพกว้างขึ้น ราคาของระบบ ERP มักคิดเป็นรายผู้ใช้งานต่อเดือน ซึ่ง Mac-5 Legacy ของเราจะมีรายละเอียดราคาดังนี้
ธุรกิจขนาดเล็ก (SME) เริ่มต้นที่ 666.67 บาท ต่อผู้ใช้งาน ต่อเดือน
ธุรกิจขนาดกลาง (SML) เริ่มต้นที่ 1,166.67 บาท ต่อผู้ใช้งาน ต่อเดือน
ธุรกิจขนาดใหญ่ (Enterprise) เริ่มต้นที่ 1,666.67 บาท ต่อผู้ใช้งาน ต่อเดือน
หากต้องการทราบรายละเอียดแพ็กเกจและราคาเพิ่มเติม สามารถดูข้อมูลราคาได้ที่นี่
ปัจจัยที่ส่งผลต่อค่าใช้จ่าย ในการลงทุนระบบ ERP

มีปัจจัยหลายอย่างที่ส่งผลกระทบต่อราคาของระบบ ERP ดังนี้
ขนาดองค์กรและจำนวนผู้ใช้งาน (Number of Users)
จำนวนผู้ใช้งานระบบ ERP โดยตรงส่งผลต่อค่าใช้จ่าย ยิ่งองค์กรมีขนาดใหญ่และมีผู้ใช้งานมาก ระบบก็ต้องการทรัพยากรในการประมวลผลและจัดเก็บข้อมูลสูงขึ้น รวมถึงการสนับสนุนที่ครอบคลุมกว่า ซึ่งผู้ให้บริการมักมีโครงสร้างราคาที่อิงตามจำนวนผู้ใช้งาน ไม่ว่าจะเป็นแบบต่อหัวหรือแบบช่วงจำนวนผู้ใช้งาน ดังนั้น การประเมินจำนวนผู้ใช้ทั้งปัจจุบันและอนาคตจึงสำคัญต่อราคาของระบบ
ขอบเขตของฟังก์ชันและโมดูล (Scope of Function and Modules)
ระบบ ERP ประกอบด้วยโมดูลการทำงานที่หลากหลาย เช่น ฝ่ายบัญชี, ฝ่ายขาย, ฝ่ายจัดซื้อ, ฝ่ายคลังสินค้า การเลือกใช้จำนวนโมดูลที่มากขึ้น หรือโมดูลที่มีฟังก์ชันซับซ้อนและเฉพาะทาง เช่น ระบบการผลิตขั้นสูง หรือ WMS เต็มรูปแบบ ก็ย่อมทำให้ค่าใช้จ่ายสูงขึ้นตามไปด้วย การเลือกเฉพาะโมดูลที่จำเป็นในระยะแรกและสามารถเพิ่มเติมได้ในอนาคต จะช่วยควบคุมงบประมาณได้ดีขึ้น
การปรับแต่งระบบ (Customization)
หากฟังก์ชันมาตรฐานของ ERP ไม่ตอบโจทย์กระบวนการทำงานที่เป็นเอกลักษณ์ของธุรกิจ การปรับแต่งระบบ (Customization) ก็อาจจำเป็น ซึ่งมักเกี่ยวข้องกับการพัฒนาระบบเพิ่มเติม เช่น รายงานพิเศษ หรือ Workflow เฉพาะทาง การปรับแต่งนี้จะเพิ่มทั้งค่าใช้จ่ายในการพัฒนาเริ่มต้น และอาจส่งผลต่อค่าบำรุงรักษาในระยะยาว รวมถึงความซับซ้อนในการอัปเกรดระบบด้วย
รูปแบบการติดตั้ง (Deployment Model)
การเลือกติดตั้งระบบ ERP แบบ On-Premise (ติดตั้งบนเซิร์ฟเวอร์บริษัท) Cloud-Based (ใช้งานผ่านอินเทอร์เน็ตแบบ SaaS) หรือ Hybrid (ผสมผสาน) ส่งผลต่อโครงสร้างค่าใช้จ่ายอย่างมาก On-Premise มีค่าใช้จ่ายเริ่มต้นสูงด้านฮาร์ดแวร์และลิขสิทธิ์ ขณะที่ Cloud ERP มีค่าใช้จ่ายเริ่มต้นต่ำกว่า แต่เป็นค่าบริการต่อเนื่อง การพิจารณาต้นทุนรวมในการเป็นเจ้าของ (TCO) จะช่วยให้เปรียบเทียบได้ชัดเจนขึ้น
ค่าบริการในการติดตั้งและฝึกอบรม (Implementation & Training)
ค่าใช้จ่ายในการติดตั้งระบบ ERP (Implementation) เป็นส่วนสำคัญในช่วงเริ่มต้นโครงการ ซึ่งครอบคลุมตั้งแต่การให้คำปรึกษาเพื่อวิเคราะห์ธุรกิจ, การวางแผนโครงการ, การตั้งค่าระบบให้เหมาะสม, การย้ายข้อมูลจากระบบเก่าซึ่งอาจซับซ้อน, ไปจนถึงการฝึกอบรมพนักงานให้สามารถใช้งานระบบใหม่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งค่าใช้จ่ายส่วนนี้อาจมีมูลค่าสูงและต้องวางแผนอย่างรอบคอบ
ค่าบริการหลังการขายและการบำรุงรักษา (Support & Maintenance)
เพื่อให้ ระบบ ERP ทำงานได้อย่างราบรื่นในระยะยาว จะมีค่าใช้จ่ายต่อเนื่องสำหรับการสนับสนุนและบำรุงรักษา สำหรับ On-Premise มักเป็นค่าบำรุงรักษารายปี (Annual Maintenance Fee) เพื่อรับการอัปเดตและแก้ไขปัญหา ส่วน Cloud ERP ค่าใช้จ่ายนี้มักรวมอยู่ในค่าบริการรายเดือน/รายปีแล้ว การมีบริการหลังการขายที่ดีและข้อตกลงระดับการให้บริการ (SLA) ที่ชัดเจนเป็นสิ่งสำคัญ
On-Premise ERP คืออะไร

On-Premise ERP คือ ระบบ ERP ที่ติดตั้งและทำงานบนเซิร์ฟเวอร์และโครงสร้างพื้นฐาน IT ของบริษัทเอง องค์กรจะเป็นผู้ควบคุมดูแลระบบทั้งหมด ตั้งแต่ฮาร์ดแวร์ ซอฟต์แวร์ ไปจนถึงการบำรุงรักษาและความปลอดภัย ข้อดีคือการควบคุมข้อมูลได้อย่างเต็มที่และอาจปรับแต่งได้มากกว่า แต่ก็ต้องแลกมาด้วยค่าใช้จ่ายเริ่มต้นที่สูงมากในการจัดซื้อฮาร์ดแวร์และลิขสิทธิ์ซอฟต์แวร์ รวมถึงต้องมีทีม IT ที่มีความเชี่ยวชาญในการดูแลระบบอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นภาระด้านต้นทุนและบุคลากรที่ธุรกิจต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ เหมาะสำหรับองค์กรขนาดใหญ่ที่มีความต้องการด้านความปลอดภัยข้อมูลสูงสุดและมีทรัพยากรเพียงพอ
Cloud-Based ERP คืออะไร

Cloud-Based ERP หรือที่เรียกว่า SaaS (Software-as-a-Service) ERP คือ ระบบข้อมูลเกี่ยวกับระบบ ERP ที่โฮสต์และให้บริการโดยผู้จำหน่ายผ่านระบบคลาวด์ ผู้ใช้งานสามารถเข้าถึงระบบได้ผ่านอินเทอร์เน็ต โดยชำระค่าบริการเป็นรายเดือนหรือรายปีตามจำนวนผู้ใช้งานหรือฟังก์ชันที่เลือก ข้อดีคือค่าใช้จ่ายเริ่มต้นต่ำกว่าแบบ On-Premise มาก ไม่ต้องลงทุนฮาร์ดแวร์เอง มีความยืดหยุ่นสูงในการเพิ่ม/ลดผู้ใช้งาน และผู้ให้บริการจะเป็นผู้ดูแลเรื่องการอัปเดตและบำรุงรักษา ทำให้ธุรกิจสามารถมุ่งเน้นไปที่การดำเนินงานหลักได้เต็มที่ อีกทั้ง การใช้งานบนระบบ Cloud กำลังเป็นที่นิยมอย่างมากในปัจจุบัน เพราะสะดวกและคล่องตัว
Hybrid ERP คืออะไร

Hybrid ERP คือ การผสมผสานระหว่างระบบ On-Premise และ Cloud-Based ERP โดยองค์กรอาจเลือกระบบ On-Premise สำหรับจัดการข้อมูลสำคัญหรือกระบวนการหลักที่มีความละเอียดอ่อน และใช้ Cloud-Based ERP สำหรับฟังก์ชันอื่น ๆ ที่ต้องการความยืดหยุ่นหรือการเข้าถึงจากภายนอก เช่น ระบบ CRM หรือ E-commerce รูปแบบนี้ช่วยให้องค์กรได้รับประโยชน์จากทั้งสองรูปแบบ คือ การควบคุมข้อมูลสำคัญและการใช้ประโยชน์จากความคล่องตัวของคลาวด์ แต่ก็อาจมีความซับซ้อนในการบริหารจัดการและการเชื่อมต่อข้อมูลระหว่างสองระบบ ซึ่งต้องมีการวางแผนและเลือกใช้เทคโนโลยีที่เหมาะสม
ค่าใช้จ่ายหลักในการลงทุน ERP
เมื่อตัดสินใจลงทุนในระบบ ERP นอกจากราคาซอฟต์แวร์แล้ว ยังมีค่าใช้จ่ายหลัก ๆ ที่ต้องพิจารณา ดังนี้
ค่าลิขสิทธิ์ซอฟต์แวร์ (Software Licensing/Subscription)
ค่าลิขสิทธิ์ซอฟต์แวร์ ได้แก่
Perpetual License (On-Premise) การซื้อสิทธิ์ขาดในการใช้ซอฟต์แวร์ มักมีค่าใช้จ่ายเริ่มต้นสูง และตามมาด้วยค่าบำรุงรักษารายปี
Subscription Fee (Cloud) การชำระค่าบริการเป็นรายเดือนหรือรายปีตามแพ็กเกจและจำนวนผู้ใช้งาน
ค่าดำเนินการติดตั้งระบบ (Implementation Costs)
เป็นค่าใช้จ่ายก้อนใหญ่ในช่วงแรก ประกอบด้วย
ค่าที่ปรึกษา (Consulting Fees)
ค่าติดตั้งและตั้งค่าระบบ (Setup & Configuration)
ค่าปรับแต่ง (Customization (หากมี))
ค่าถ่ายโอนข้อมูล (Data Migration)
ค่าฝึกอบรมพนักงาน (Training)
ค่าบริหารจัดการโครงการ (Project Management)
ค่าสนับสนุนและบำรุงรักษาระยะยาว (Ongoing Support and Maintenance)
ค่าสนับสนุนและบำรุงรักษาระยะยาว มีดังนี้
Maintenance Fees (On-Premise) ค่าธรรมเนียมรายปี (มักคิดเป็น % ของค่าลิขสิทธิ์) สำหรับการอัปเดตเวอร์ชันและการสนับสนุนทางเทคนิค
Subscription Fee (Cloud) มักรวมค่าบำรุงรักษาและการสนับสนุนพื้นฐานไว้แล้ว แต่อาจมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมสำหรับบริการสนับสนุนระดับพรีเมียม
วิธีการประเมินความคุ้มค่าในการลงทุน (ROI)
การลงทุน ERP ถือเป็นการลงทุนเพื่ออนาคต จึงควรประเมินความคุ้มค่า (Return on Investment - ROI) ดังนี้
คำนวณต้นทุนรวมในการเป็นเจ้าของ (Total Cost of Ownership - TCO) พิจารณาค่าใช้จ่ายทั้งหมดตลอดอายุการใช้งาน ไม่ใช่แค่ราคาเริ่มต้น
ระบุผลประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ ทั้งที่วัดผลเป็นตัวเงินได้ เช่น ลดต้นทุน เพิ่มยอดขาย และวัดผลไม่ได้ เช่น เพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน ความพึงพอใจของลูกค้า เป็นต้น
กำหนดตัวชี้วัดความสำเร็จ (KPIs) ตั้งเป้าหมายที่ชัดเจนและวัดผลได้หลังการใช้งานระบบ
ประเมินระยะเวลาคืนทุน (Payback Period) คำนวณว่าจะใช้เวลานานเท่าใดกว่าผลประโยชน์ที่ได้จะครอบคลุมต้นทุนที่ลงทุนไป
เปรียบเทียบความเสี่ยงและผลตอบแทน ชั่งน้ำหนักระหว่างประโยชน์ที่จะได้รับกับความเสี่ยงและค่าใช้จ่ายในการลงทุน
สรุปบทความ

การหาคำตอบว่าระบบ erp ราคาเท่าไรนั้นซับซ้อนกว่าที่คิด เพราะมีปัจจัยมากมายที่เราต้องพิจารณา ตั้งแต่ขนาดธุรกิจ ฟังก์ชันที่ต้องการ รูปแบบการติดตั้ง ไปจนถึงค่าใช้จ่ายในการดำเนินการและบำรุงรักษา การเลือกลงทุนในระบบ ERP จึงเป็นการตัดสินใจเชิงกลยุทธ์ที่ต้องมองถึงความคุ้มค่าในระยะยาว
ที่ Mac-5 Legacy เราเข้าใจความต้องการของธุรกิจไทยอย่างลึกซึ้ง เราจึงพัฒนาระบบ ERP ที่มีความยืดหยุ่นสูง สามารถปรับแต่งฟีเจอร์ของ Mac-5 Legacy ให้เข้ากับลักษณะธุรกิจได้อย่างลงตัว ไม่ว่าจะเป็นงานบัญชี การเงิน การผลิต หรือการจัดการคลังสินค้า (Inventory Control) ที่แม่นยำ ช่วยลดต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารสต็อกได้อย่างเห็นผล
เรามีแพ็กเกจและราคาที่หลากหลาย เหมาะสมกับธุรกิจทุกขนาด พร้อมบริการของเราที่ดูแลอย่างมืออาชีพตั้งแต่การให้คำปรึกษา ติดตั้ง ไปจนถึงการสนับสนุนหลังการขาย ให้คุณมั่นใจได้ว่าการลงทุนกับระบบ ERP จาก Mac-5 Legacy จะเป็นการลงทุนที่คุ้มค่า และขับเคลื่อนธุรกิจของคุณให้เติบโตได้อย่างยั่งยืน
ปรึกษา MAC-5 Legacy และเยี่ยมชมเว็บไซต์เพิ่มเติมได้ที่ https://www.mac5legacy.com/digitaltransformation
Commenti