ติดในส่วนเปิด tag
top of page

อัตราส่วนทางการเงิน (Financial Ratio) ที่ผู้ประกอบการควรรู้

  • Admin Ham
  • 3 วันที่ผ่านมา
  • ยาว 2 นาที
ree

ในโลกธุรกิจ ทุกการตัดสินใจต้องใช้ข้อมูลที่แม่นยำ อัตราส่วนทางการเงิน (Financial Ratio) จึงเป็นเครื่องมือที่ช่วยแปลตัวเลขจากงบการเงินให้ง่ายต่อการวิเคราะห์ ทั้งยังช่วยผู้ประกอบการมองเห็นจุดแข็ง จุดอ่อน และทิศทางของธุรกิจได้ชัดขึ้น บทความนี้จะพาไปดูว่า อัตราส่วนทางการเงิน คืออะไร และสูตรไหนบ้างที่นิยมใช้วัดสุขภาพการเงินของกิจการ


อัตราส่วนทางการเงิน (Financial Ratio) คืออะไร

อัตราส่วนทางการเงิน คือ ตัวชี้วัดเชิงปริมาณที่ได้มาจากการนำตัวเลข 2 รายการ หรือมากกว่าจากงบการเงินของบริษัท (เช่น งบแสดงฐานะการเงิน งบกำไรขาดทุน) มาเปรียบเทียบกันในรูปแบบของอัตราส่วนหรือร้อยละ เพื่อให้เกิดมุมมองในการวิเคราะห์ที่ลึกซึ้งและมีความหมายมากกว่าการดูตัวเลขเดี่ยว ๆ การใช้ Financial Ratio ช่วยให้เราสามารถประเมินผลการดำเนินงานในแง่มุมต่าง ๆ ของธุรกิจได้อย่างชัดเจน เช่น บริษัทมีหนี้สินมากไปหรือไม่ ใช้สินทรัพย์สร้างยอดขายได้ดีแค่ไหน หรือทำกำไรได้เก่งเพียงใด


อัตราส่วนทางการเงินยอดฮิต ที่นิยมใช้วิเคราะห์ธุรกิจ


อัตราส่วนทางการเงินที่นิยมใช้วิเคราะห์ธุรกิจ

ในบรรดา Financial Ratio ทั้งหมด มีอยู่หลายสูตรที่ถูกนำมาใช้กันอย่างแพร่หลาย เพราะช่วยตอบคำถามได้ครอบคลุมทั้งเรื่องหนี้สิน กำไร และประสิทธิภาพการใช้สินทรัพย์ มาดูกันว่ามีสูตรไหนบ้างที่เจ้าของธุรกิจควรรู้จักไว้


1. หนี้สินรวมต่อส่วนผู้ถือหุ้น (Total Debt to Equity Ratio)

อัตราส่วนหนี้สินรวมต่อส่วนผู้ถือหุ้น = หนี้สินรวม ÷ ส่วนผู้ถือหุ้น

อัตราส่วนนี้วัดระดับความมั่นคงทางการเงินโดยเปรียบเทียบระหว่างหนี้สินทั้งหมดกับส่วนของผู้ถือหุ้น แสดงให้เห็นว่าธุรกิจใช้หนี้สินในการระดมทุนมากน้อยเพียงใดเมื่อเทียบกับทุนจากผู้ถือหุ้น

ธุรกิจทั่วไปควรมีอัตราส่วนไม่เกิน 2 เท่า หากสูงเกินไปอาจบ่งชี้ว่าธุรกิจพึ่งพาหนี้สินมากเกินไป ซึ่งอาจสร้างความเสี่ยงทางการเงินในระยะยาว


2. อัตราส่วนสภาพคล่อง (Current Ratio)

อัตราส่วนสภาพคล่อง = สินทรัพย์หมุนเวียน ÷ หนี้สินหมุนเวียน

อัตราส่วนนี้แสดงความสามารถของธุรกิจในการจ่ายหนี้ระยะสั้นโดยใช้สินทรัพย์หมุนเวียน วัดว่าธุรกิจมีเงินหรือสินทรัพย์ที่เปลี่ยนเป็นเงินได้เร็วพอที่จะชำระหนี้ภายใน 1 ปีหรือไม่

หากได้ค่ามากกว่า 1 แสดงว่าธุรกิจมีสภาพคล่องดี ไม่มีปัญหาการชำระหนี้ระยะสั้น แต่ถ้าต่ำกว่า 1 อาจแสดงถึงปัญหาสภาพคล่องที่ต้องแก้ไขเร่งด่วน


3. อัตราผลตอบแทนจากทรัพย์สิน (ROA)

ROA (%) = กำไรก่อนดอกเบี้ยและภาษี ÷ สินทรัพย์รวมเฉลี่ย × 100

Return on Assets หรือ ROA เป็น Financial Ratio ที่วัดว่าบริษัทสามารถนำสินทรัพย์ทั้งหมดที่มีไปใช้สร้างกำไรได้ดีแค่ไหน ROA ที่สูงแสดงว่าธุรกิจใช้สินทรัพย์ได้ดีในการสร้างกำไร


4. อัตราผลตอบแทนผู้ถือหุ้น (ROE)

ROE (%) = กำไรสุทธิ ÷ ส่วนผู้ถือหุ้น x 100

อัตราส่วนนี้วัดความสามารถของธุรกิจในการสร้างผลตอบแทนให้กับผู้ถือหุ้นจากเงินทุนที่ลงทุนไป บ่งบอกถึงความคุ้มทุนของเงินลงทุนและศักยภาพในการทำกำไรของธุรกิจ ROE ที่สูงหมายถึงธุรกิจสามารถใช้เงินทุนของผู้ถือหุ้นอย่างมีประสิทธิภาพ สร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับนักลงทุน


อัตราผลตอบแทนผู้ถือหุ้น (ROE)

5. อัตราหมุนเวียนสินทรัพย์รวม (Total Asset Turnover Ratio)

อัตราหมุนเวียนสินทรัพย์รวม = รายได้ ÷ สินทรัพย์รวม

อัตราส่วนนี้วัดว่าธุรกิจใช้สินทรัพย์ทั้งหมดในการสร้างรายได้มากน้อยเพียงใด หากมีค่าสูง หมายถึงบริษัทใช้สินทรัพย์ที่มีอยู่ได้อย่างคุ้มค่าเพื่อสร้างยอดขายให้ได้มากที่สุด


6. อัตรากำไรขั้นต้น (Gross Profit Margin)

อัตรากำไรขั้นต้น (%) = กำไรขั้นต้น ÷ รายได้จากการขาย × 100

อัตราส่วนทางการเงินสูตรนี้วัดความสามารถในการสร้างกำไรหลังหักต้นทุนขาย หากอัตรากำไรขั้นต้นสูงแสดงให้เห็นว่าบริษัทมีการบริหารจัดการต้นทุนสินค้าได้ดี หรือสามารถตั้งราคาขายได้สูง


7. อัตรากำไรจากการดำเนินงาน (Operating Profit Margin)

อัตรากำไรจากการดำเนินงาน (%) = กำไรก่อนดอกเบี้ยและภาษี ÷ รายได้รวม x 100

เป็น Financial Ratio ที่มองลึกลงไปอีกขั้น โดยวัดความสามารถในการทำกำไรจากการดำเนินธุรกิจหลัก หลังจากหักต้นทุนขายและค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารออกไปแล้ว (ยกเว้นดอกเบี้ยและภาษี)


8. อัตรากำไรสุทธิ (Net Profit Margin)

อัตรากำไรสุทธิ (%) = กำไรสุทธิ ÷ รายได้รวม × 100

อัตราส่วนนี้วัดกำไรที่เหลือหลังหักค่าใช้จ่ายทั้งหมด รวมถึงดอกเบี้ยและภาษี แสดงความสามารถในการทำกำไรสุทธิของธุรกิจอย่างแท้จริง


สรุปบทความ

อัตราส่วนทางการเงินเป็นเครื่องมือสำคัญที่ผู้ประกอบการต้องใช้ในการติดตามและวิเคราะห์สุขภาพทางการเงินของธุรกิจ การเข้าใจและนำไปใช้อย่างสม่ำเสมอ จะช่วยให้ผู้ประกอบการมองเห็นจุดแข็ง จุดอ่อน และสัญญาณเตือนภัยต่างๆ ได้ล่วงหน้า ทำให้สามารถตัดสินใจทางธุรกิจบนพื้นฐานของข้อมูลจริง ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญในการนำพาองค์กรไปสู่ความสำเร็จอย่างมั่นคง


MAC-5 Legacy: โปรแกรม ERP ระบบบัญชีครบครันสำหรับผู้ประกอบการยุคใหม่


หากคุณคือผู้ประกอบการ หรือนักบัญชีที่อ่านบทความนี้จบ และกำลังประสบปัญหาการจัดทำรายงานทางการเงินที่ใช้เวลานาน หรือการคำนวณอัตราส่วนทางการเงินที่ยุ่งยาก โปรแกรม ERP (Enterprise Resource Planning) คือโปรแกรมบัญชีออนไลน์สำเร็จรูป รูปแบบ Cloud ERP และ On-Premise ที่ออกแบบมาเพื่อช่วยให้ผู้ประกอบการมีข้อมูลทางการเงินที่แม่นยำและครบถ้วน


หมดยุคทำรายงานทางการเงินแบบใช้เวลานาน ยกระดับสู่ระบบบัญชีอัจฉริยะ


เปลี่ยนการทำบัญชีแบบเดิม ๆ ที่ใช้เวลานานและผิดพลาดบ่อยให้เป็นระบบอัตโนมัติ โปรแกรม ERP ที่จะช่วยยกระดับการบริหารการเงินของคุณ ยกตัวอย่างฟีเจอร์เด็ด ๆ 


  • ระบบบัญชีแยกประเภทอัตโนมัติ (GL): รวบรวมข้อมูลจากทุกส่วนงาน ทั้งการซื้อ-ขาย, ลูกหนี้ (Account Receivables), เจ้าหนี้ (Account Payables) และคลังสินค้า มาบันทึกบัญชีโดยอัตโนมัติ ทำให้คุณมั่นใจได้ว่าตัวเลขในงบการเงินที่นำมาใช้คำนวณ Financial Ratio นั้นถูกต้องและเป็นปัจจุบันเสมอ

  • ระบบเงินสดย่อยและทดลองจ่าย: ติดตามสถานะการขอเบิกเงิน การอนุมัติ และการคืนเงินอย่างเป็นระบบ พร้อมรายงานเพื่อตรวจสอบจำนวนเงินในแต่ละฝ่ายได้ทันที ช่วยควบคุมกระแสเงินสดอย่างมีประสิทธิภาพ

  • ระบบ E-Tax Invoice ส่งภาษีตรงกรมสรรพกร: รองรับการยื่นภาษีออนไลน์ แบบฟอร์มถูกต้องตามระเบียบ ส่งข้อมูลจากโปรแกรมไปให้กรมสรรพกรโดยตรง ลดความเสี่ยงจากการยื่นภาษีผิดพลาด


สนใจโซลูชัน MAC-5 Legacy ติดต่อเราวันนี้!

หากสนใจบริการ หรือต้องการสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับโปรแกรม MAC-5 Legacy สามารถติดต่อฝ่ายขายผู้เชี่ยวชาญของเราได้เลย

โทรศัพท์: 085-113-4674, 094-854-9296 Line ID: @mac5legacy

 
 
 

Comentários


bottom of page